การซ่อมแซมและปรับปรุงพื้นโรงงานในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง เช่น ใกล้รางน้ำ เป็นความท้าทายสำหรับเจ้าของโรงงานหลายแห่ง แต่ปัจจุบัน พื้น PU (Polyurethane) ได้รับความนิยมอย่างมากในงานปรับปรุงพื้น เนื่องจากคุณสมบัติเด่นที่ทนทานต่อความชื้นและสารเคมีต่าง ๆ แต่คำถามคือ พื้น PU สามารถรับมือกับสภาพแวดล้อมที่เปียกชื้นได้จริงหรือไม่? และควรซ่อมแซมอย่างไรให้ได้ผลดีที่สุด?

ปัญหาของพื้นโรงงานบริเวณใกล้รางน้ำที่พบบ่อย

พื้นที่โรงงานบางประเภทที่มีการใช้น้ำ และบริเวณที่ตั้งอยู่ใกล้รางน้ำหรือจุดที่มีความชื้นมักเผชิญปัญหาหลายประการ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้งาน ความปลอดภัย และอายุการใช้งานของพื้นผิว มาดูปัญหาหลัก ๆ ที่พบบ่อยในพื้นที่เหล่านี้

1. ความชื้นสะสม

     ปัญหา: น้ำที่ซึมจากรางน้ำหรือความชื้นจากสภาพแวดล้อม ทำให้พื้นเกิดการเสื่อมสภาพ เช่น การหลุดร่อนหรือการบวม

     ผลกระทบ: ลดความทนทานของพื้นและทำให้การยึดเกาะของสารเคลือบพื้นลดลง

2. การเกิดรอยร้าวและการหลุดร่อน

     ปัญหา: การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและความชื้นที่ไม่สม่ำเสมอ ทำให้พื้นขยายตัวและหดตัวจนเกิดรอยร้าว

     ผลกระทบ: น้ำและสิ่งสกปรกอาจซึมผ่านรอยร้าว ส่งผลให้พื้นเสื่อมเร็วขึ้น

3. การกัดกร่อนจากสารเคมี

     ปัญหา: น้ำจากรางน้ำอาจปนเปื้อนสารเคมี เช่น น้ำมัน สารเคลือบ หรือของเสียจากการผลิต

     ผลกระทบ: ทำให้พื้นผิวสึกกร่อนหรือเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ

4. พื้นลื่นและไม่ปลอดภัย

     ปัญหา: พื้นที่ใกล้รางน้ำมักมีน้ำขังหรือความชื้นสะสม ทำให้พื้นผิวลื่นและเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย

     ผลกระทบ: เพิ่มความเสี่ยงต่อการลื่นล้มและอันตรายต่อพนักงาน

5. การสะสมของคราบสกปรกและเชื้อรา

     ปัญหา: ความชื้นเป็นสาเหตุหลักของการเกิดคราบและการสะสมของเชื้อรา

     ผลกระทบ: ทำให้พื้นดูสกปรก ไม่ถูกสุขลักษณะ และอาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ

6. การเสื่อมสภาพของวัสดุพื้นเดิม

     ปัญหา: วัสดุพื้นบางชนิด เช่น คอนกรีต หรือพื้น Epoxy ที่ไม่ได้ออกแบบให้ทนความชื้น อาจเสื่อมสภาพเมื่อใช้งานในพื้นที่ที่มีน้ำหรือความชื้นสูง

     ผลกระทบ: พื้นแตก บวม หรือเกิดการหลุดร่อนจนต้องซ่อมแซมบ่อย

พื้นที่โรงงานใกล้รางน้ำมีความเสี่ยงที่จะเผชิญปัญหาหลายประการ ทั้งความชื้นสะสม การเกิดรอยร้าว และการกัดกร่อน การเลือกวัสดุและวิธีการซ่อมแซมที่เหมาะสม เช่น การใช้พื้น PU หรือการออกแบบระบบระบายน้ำที่ดี จะช่วยลดปัญหาและเพิ่มความทนทานของพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ!

ทำไมพื้น PU ถึงเหมาะกับพื้นโรงงานที่มีความชื้นสูง?

1.คุณสมบัติทนความชื้น

พื้น PU มีโครงสร้างที่สามารถป้องกันน้ำซึมผ่านได้ดี ช่วยลดปัญหาการเสื่อมสภาพจากความชื้นสะสม

2.ความยืดหยุ่นสูง

พื้น PU มีความยืดหยุ่นและทนต่อแรงกระแทก ทำให้เหมาะสำหรับโรงงานที่มีการใช้งานหนักหรือพื้นที่ที่ต้องเผชิญความเปียกชื้น

3.ทนสารเคมีและการกัดกร่อน

ในพื้นที่โรงงานใกล้รางน้ำที่มักมีการใช้สารเคมีต่าง ๆ พื้น PU สามารถต้านทานสารเหล่านี้ได้ดี

ขั้นตอนการซ่อมพื้นโรงงานใกล้รางน้ำด้วย PU

1. ตรวจสอบสภาพพื้นโรงงาน เริ่มต้นด้วยการสำรวจพื้นผิวที่ต้องการซ่อมแซม ระบุรอยร้าว การหลุดร่อน หรือจุดที่มีน้ำขัง

2. ทำความสะอาดพื้นที่

ขจัดคราบน้ำมัน ฝุ่น และสิ่งสกปรก ใช้เครื่องขัดพื้นเพื่อเปิดผิวหน้าของพื้นโรงงานให้สะอาดและพร้อมสำหรับการเคลือบ

3. ซ่อมรอยร้าวและปรับพื้นให้เรียบ ใช้วัสดุ PU หรือสารเติมแต่งที่เหมาะสมเพื่ออุดรอยร้าวและหลุมบ่อ

เกลี่ยพื้นผิวให้เรียบเนียนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเคลือบ

4. เคลือบพื้นด้วย PU ลงชั้นรองพื้น (Primer) เพื่อเพิ่มการยึดเกาะ

5. ทา PU เคลือบชั้นบนสุดโดยใช้ลูกกลิ้งหรือเกรียง กระจายให้สม่ำเสมอ ความหนาที่แบบที่โรงงานกำหนดและปล่อยให้พื้นแห้งสนิทตามระยะเวลาที่กำหนด

6. ตรวจสอบและทดสอบพื้น ตรวจสอบความเรียบเนียนและความแข็งแรงก่อนใช้งาน

พื้น Epoxy สามารถใช้ในพื้นที่ชื้นได้หรือไม่?

 พื้น Epoxy มีข้อดีหลายประการ เช่น ความแข็งแรงสูง ทนทานต่อการใช้งานหนัก และพื้นผิวที่เรียบเงางาม อย่างไรก็ตาม พื้น Epoxy อาจไม่เหมาะสมในบางพื้นที่ที่มีความชื้นสูง เนื่องจากพื้น Epoxy มีข้อจำกัดเรื่องการยึดเกาะบนพื้นผิวที่มีความชื้นสูง หากพื้นไม่ได้แห้งสนิทก่อนการเคลือบ อาจทำให้เกิดการหลุดร่อนในภายหลัง นอกจากนี้หากพื้นที่ใกล้รางน้ำมีน้ำขังหรือมีความชื้นสะสมต่อเนื่อง Epoxy อาจไม่สามารถทนทานได้เท่ากับ PU ดังนั้นก่อนเริ่มการซ่อมแซมพื้น ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพื่อความคุ้มค่าในการทำพื้นโรงงาน

การดูแลรักษาพื้น PU บริเวณใกล้รางน้ำ หรือบริเวณที่มีความชื้นสูง

พื้น PU (Polyurethane) เป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมในการใช้งานในพื้นที่ที่มีความชื้นสูงหรือใกล้รางน้ำ เนื่องจากมีคุณสมบัติทนทานต่อความชื้น สารเคมี และการใช้งานหนัก แต่การดูแลรักษาที่ถูกต้องจะช่วยยืดอายุการใช้งานของพื้น PU ให้ยาวนานยิ่งขึ้น

1. ทำความสะอาดพื้นอย่างสม่ำเสมอ ใช้น้ำสะอาดและน้ำยาทำความสะอาดที่ไม่มีฤทธิ์กัดกร่อน หากพื้นสัมผัสกับน้ำมันหรือสารเคมี ควรทำความสะอาดทันทีเพื่อป้องกันการสะสมที่อาจทำให้พื้นเสื่อมสภาพ

2. ตรวจสอบระบบระบายน้ำ ตรวจสอบระบบรางน้ำและการระบายน้ำรอบบริเวณ เพื่อป้องกันน้ำขังบนพื้น หากพบรางน้ำชำรุดหรืออุดตัน ควรแก้ไขทันทีเพื่อลดความเสี่ยงที่น้ำจะซึมเข้าสู่พื้น

3. ซ่อมแซมทันทีเมื่อเกิดความเสียหาย หากเป็นรอยร้าวเล็ก ให้ใช้สารเคลือบ PU เติมรอยร้าวเพื่อป้องกันน้ำและความชื้นซึมเข้าไป หากเป็นรอยเสียหายใหญ่ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในการซ่อมแซมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

4. ป้องกันการเกิดรอยขีดข่วน หลีกเลี่ยงการลากวัตถุหนัก ใช้แผ่นรองหรืออุปกรณ์เคลื่อนย้ายที่เหมาะสม

5. ตรวจสอบความเรียบร้อยของพื้นอย่างสม่ำเสมอ ตรวจสอบพื้นทุก 3-6 เดือน เพื่อหาสัญญาณของการสึกหรอ เช่น การหลุดร่อนหรือรอยร้าว และ บริเวณรอยต่อระหว่างพื้นและผนังหรือรางน้ำ ควรดูแลเป็นพิเศษเพราะเป็นจุดที่น้ำอาจซึมเข้าได้ง่าย

การติดตั้งพื้นPU เป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญและความใส่ใจในรายละเอียด ตั้งแต่การเตรียมพื้นผิวไปจนถึงการเคลือบชั้นสุดท้าย หากคุณต้องการพื้นโรงงานที่สวยงามและคงทนในระยะยาว การเลือกช่างที่มีประสบการณ์และใช้วัสดุคุณภาพคือสิ่งสำคัญที่สุด

ติดต่อวันนี้  ดูหน้างานฟรี: 

โทร: 091-779-9214 (คุณนี)

email : nkfloorinnovation@gmail.com

LINE: @epoxy-nk หรือ nee-kran